วันจันทร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ความในใจ...ของคนอกหัก (สุดแต่ใจจะไขว่คว้า)

จากที่ชีวิตเคยมีเพื่อนมากมายรายล้อมคอยช่วยแนะช่วยคิดหาทางออก กลับต้องนั่งคิดนั่งเหม่อคนเดียว อยู่ติดกับวังวนที่ทางออกก็คือเหว ที่ดิ่งดำลึกลงแห่งห้วงอเวจี ทำไม...ทำไม?

จิตใจวันนี้เหมือนกับปราศจากวิถีทางเดิน หมดสิ้นกำลังใจที่จะก้าวต่อ

วันๆ ได้แต่พร่ำเพ้อพรรณากับตัวเองเสมอๆ ว่าไม่มีๆ ไม่มีเขาอีกแล้ว ใครหนอ?

เฮ่อ...ถ้าทำได้ อยากปิดกั้นตัวเองลืมความเจ็บช้ำ สนุกไปวันๆ สุดท้ายก็ทำไม่ได้สักอย่าง มันเจ็บนะ...ทำไมแค่คนๆ เดียวแท้ๆ ทำให้คนที่เคยเข้มแข็ง อ่อนแอได้ถึงเพียงนี้

ร้องไห้...เอาความเจ็บช้ำให้มันออกไปจากชีวิตให้สิ้น

ก็เค้าบอกว่าตื่นเช้ามาวันใหม่เรื่องร้ายๆ ก็จะผ่านพ้นไป แต่มันไม่ใช่ ก็เคยเชื่อแต่พอเอาเข้าจริงกลับแย่ลง แย่ลง และที่ยิ่งแย่ก็คือมองหาแสงสว่างไม่พบ ยังคงเดินวนเวียนอยู่ในความมืดตลอด

ถ้าเขางอกออกจากหัวได้นะ ยอมทีเดียว เพราะมันน่าจะดีกว่าที่จะต้องคิดถึงเรื่องเก่าๆ ไอ้ชีวิตที่ผ่านมา เหมือนกับมันไม่เคยเกิดขึ้น

ทำดี ทำดี ให้ไปมันคงไม่ได้มากพอเท่าที่เขาต้องการ เขาต้องการแค่ที่พักพิงเท่านั้น เราก็เปรียบเหมือนที่คั่นหนังสือ หวังว่าเค้าจะกลับมาอ่านอีก เมื่อไหร่ล่ะ...ถึงความจริงเขาจะกลับมาอ่าน แต่เมื่อเคยอ่านแล้วเขาก็อ่านแค่ผ่านๆ ไป แล้วไม่คั่นไว้อีกเพราะตัวไม่สำคัญพอ ไม่ดีพอ อะไรๆ ที่ให้ไปที่เธอเลิกสนใจ ก็ผ่านไป

ได้แค่ทำใจ และเสียใจ เหลือเพียงแค่ฉันจะจำแต่ในเรื่องดีๆ กับเธอ ส่วนอะไรที่มันร้ายคิดซะว่ามันเป็นเรื่องสนุกๆ ก็พอ แอบเจ็บลึกๆ คิดทีไรน้ำตาไหลได้ไงไม่รู้ รู้แต่ว่ามันอึดอัดทุกตรั้งที่คิดถึงมันจนต้องร้องไห้ออกมา

พอดีกว่า...ขี้เกียจจะร้องไห้และ

ปล. อะไรที่ไม่ใช่ของๆ เรา อยากจะคว้าถึงจะแค่เอื้อม ก็คว้ามาเป็นของเราไม่ได้อยู่ดี

วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2551

แบบเรียนที่ 34

ตื่นเช้ามาต่างคนต่างมึนหัวกันเหมือนเมาค้างอยู่ เลยหาน้ำเย็นล้างหน้า แล้วลงไปทานอาหารเช้ากัน วันนี้ไม่มีอะไรมากมายครับ แค่พิธีปิดการสัมนาและสรุปผลที่ผู้เข้าร่วมได้รับกัน พอสายๆ ก็ทานอาหารกลางวัน ตกบ่ายนิดหน่อยก็เดินทางกลับกัน ตอนกลับนี้สบายหน่อยครับ ไม่ใช่สิสบายมากๆ เลยต่างหากล่ะ เพราะว่าพวกป้าๆ ที่มาพร้อมกับพวกผมเค้าย้ายไปนั่งรถทัวกันหมดเลย รถตู้ทั้งคันเลยเป็นของพวกผม 4 คน พอล้อรถเริ่มเคลื่อนตัวก็สลบกันไปทีละคนๆ นอนกันคนละแถวเลยล่ะ พอกลับถึงบ้านก็ค่ำๆ หัวค่ำของวันอาทิตย์พอกลับมาถึงก็ผมขับรถไปส่งน้องเบียร์ที่บ้านโดยสวัสดิภาพ

ขากลับรีบขับรถให้ถึงบ้านเร็วๆ เพราะยังเพรียอยู่

วันรุ่งขึ้น...ต้องตื่นแต่เช้า แต่งตัวไปโรงเรียน


วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2551

แบบเรียนที่ 33

เที่ยวให้สนุก

แม่ผมต้องไปงานสัมนาที่ต่างจังหวัด ผมต้องไปกับแม่ด้วย แต่ไม่เหมือนคราวที่แม่ผมพานายไป ก็คราวก่อนแม่ผมดันแนะนำเจ้านายว่าเป็นลูกถึงจะหน้าตาคล้ายๆ กันก็เถอะแต่ผมกับนายค่อนข้างต่างตรงที่ผมไม่ได้เรียบร้อยแบบนาย สถานที่ที่เราไปกันอยู่ที่เมืองกาญจนบุรีครับ เป็นรีสอร์ทติดริมแม่น้ำแควใหญ่ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไปเล็กน้อย บรรยากาศที่นี่สุดยอดไปเลยครับ ถึงจะสู้ที่บ้านพ่อที่เชียงใหม่ไม่ได้ก็เถอะ ชิลบรรยากาศไปได้อีกแบบครับ ที่พักจะเป็นบ้านเป็นหลังๆ ครับ หลังที่พักหันหน้าออกไปทางทิศตะวันออก หน้าบ้านเป็นถนนภายในรีสอร์ท ข้ามถนนไปเป็นทางลาดลงไปในแม่น้ำแคว เป็นคุ้งน้ำรูปตัวเอส สวยมากๆ บ้านพักก็หลังใหญ่มากเหมือนกันใหญ่กว่าบ้านผมอีก เหอะๆ

ในวันศุกร์ตอนเกือบๆ เที่ยงวัน ณ โรงอาหารภายในโรงเรียน
"ฮัลโหลครับแม่" ผมรับสายด้วยข้าวยังเต็มปากอยู่เลย
"เย็นนี้กลับบ้านมาเตรียมเสื้อผ้าจัดใส่กระเป๋าสัก 4-5 ชุด นะลูก"
"ทำไมล่ะครับแม่"
"เราจะไปต่างจังหวัดกัน"
"หรอครับ แล้วผมจะพาเพื่อนไปด้วยได้มั้ยครับ"
"ได้สิ"
"ครับแม่ งั้นเดี๋ยวตอนเย็นเจอกันนะครับ"

แล้วตกเย็นผม แม็ค นาย และก็เบียร์ แยกย้ายกันไปจัดกระเป๋ากัน นักเจอกันอีกที 5 โมงเย็น เพราะแม่ผมต้องไปถึงที่รีสอร์ทก่อน 1 วัน เพื่อไปจัดเตรียมและดูสถานที่ก่อนที่ผู้เข้าร่วมสัมนาจะมาในอีกวันนึง
"เสร็จกันแล้วนะลูก เดี๋ยวรถตู้จะไปรับลูกที่หน้าบ้านนะลูก"
"ครับแม่ รถมาจอดแล้วครับ คิดว่ารถใครมาจอดขวางหน้าบ้านซะอีก" แม่ผมโทรมาบอกอีกทีนึง
"งั้นก็รีบขึ้นรถมาเลยนะลูก เพื่อนที่ทำงานแม่เค้าก็มากันจะครบแล้วเดี๋ยวจะไปถึงดึกมากจะไม่สะดวกนะลูก"
"ครับแม่ จะรีบออกไปเดี๋ยวนี้แหละครับ" ห้าโมงกว่าแล้วครับผมยังไม่ออกกันเลย เห็นรถมาจอดตั้งแต่ 4 โมงครึ่งแล้วครับ
"นายๆ เสร็จยัง เบียร์จะมาถึงรึยัง" พูดไม่ทันขาดคำ เบียร์ก็ซ้อนรถมอเตอร์ไซด์พี่มันมาถึงพอดี
"เออนึกว่านายจะตกรถซะแล้ว" ผมพูดกับเบียร์ พี่ชายเบียร์หน้าคล้ายกันเลยครับ แต่น่าจะเรียนมหาลัยแล้ว เพราะใส่ชุดนักศึกษาผูกไทน์อยู่เลย สงสัยรีบกันจัด
"หูย ผมโทรให้พี่ผมไปรับที่บ้านแล้วรีบมาส่งผมเนี่ย" เบียร์พูดน้ำเสียงเหนื่อยๆ "นี่พี่ผมชื่อพี่บูม"
"หวัดดีครับพี่" ผมกล่าวทักทายพร้อมน้องนาย
"หวัดดีครับน้องโน่ น้องนาย"
"รู้ชื่อผมด้วย" ผมมองหน้าน้องเบียร์
"ก็ไอ้เบียร์มันเล่าให้ฟังอยู่บ่อยๆ ที่น้องน่ะเทรนบาสให้มันจนเก่ง"
"อ่ะครับ"
"พี่ไปก่อนนะ ต้องรีบไปทำรายงานส่งใกล้สอบแล้ว"
"ครับพี่" แล้วพี่บูมก็ขับรถออกไป แม็คก็เดินออกจากบ้านมาพอดี ถือกระเป๋าใบใหญ่ ยังกะจะไปสักเดือนสองเดือนแน่ะ
"นี่ไปแค่ 3 วันเองนะ ไม่ได้ไปเป็นเดือน"
"ก็แหม ก็ต้องเตรียมไว้เยอะๆ จะได้มีให้เลือกไง" มันก็เฉไฉไปเรื่อยน่ะแหละครับ ที่ไหนได้มันหอบเอาทั้งกล้องวีดีโอ กล้องดิจิตอลDSLR แล้วก็โน๊ตบุ๊คของมันไปด้วย หิ้วพะรุงพะรังเพียบเลย (ขอบอกแม็คถ่ายรูปเก่งครับ)
"เออๆ รีบขึ้นรถเถอะสายแล้ว"

เมื่อรถขับมาจนถึงที่ทำงานแม่ผม เราก็ลงไปสวัสดีเพื่อนๆ แม่ผม เพื่อนแม่ผมเค้าคงช่างสังเกตุกันน่ะครับ คราวก่อนที่แม่ผมพานายไปคราวนี้แม่บอกว่าผมเป็นลูก แต่เพื่อนแม่เค้าไม่เชื่อ เพราะผมดูไม่ค่อยเรียบร้อยเหมือนคราวก่อนแล้วยังจำใครไม่ได้อีกด้วย แม่ผมเลยต้องบอกความจริงไปว่าคราวก่อนน่ะเป็นลูกจริงแต่เป็นลูกของพ่อกับเมียใหม่ เพื่อนๆ แม่ผมเค้าก็ยิ่งงงกันไปใหญ่เลยน่ะสิครับ ทำไมน่ะหรอก็ลูกเมียใหม่จะเอามาเลี้ยงไว้ทำไม พวกผมไม่ได้ยินชัดๆ หรอกครับแต่เดาเอาเพราะอยู่ใกล้ๆ ได้ยินไม่ค่อยชัดแต่น่าจะเรื่องนี้แหละ เราเริ่มเดินทางกันจริงๆ ก็ปาเข้าไปเกือบๆ 2 ทุ่ม ไปถึงก็ เกือบๆ 5 ทุ่มแล้วครับ ไม่แวะที่ไหนเลยครับเพราะเรารีบกัน พอไปถึงที่รีสอร์ททางรีสอร์ทเค้าจัดเตรียมสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว เราก็แค่ไปสำรวจบ้านพักของเราและของคนอื่นๆ ที่จะมาถึงพรุ้งนี้เพื่อจะได้แนะนำกันได้ว่าบ้านหลังไหนอยู่ที่โซนไหน แล้วห้องประชุมอยู่ตรงไหน ห้องน้ำเอยที่ลงทะเบียนเอย พวกผมก็ช่วยๆ ดูให้ด้วย พนักงานรีสอร์ทจะพาไปดู เราแยกกันเป็นสามกลุ่มพวกผมโดนจับแยกกันหมด พอเสร็จเราก็มารวมตัวกันใหม่ แล้วเข้าเช็คอินห้องพัก ได้รับกุญแจมาแม่ผมก็เอามาให้แล้วฝากเอากระเป๋าไปเก็บให้ด้วย พวกผม 4 คน ก็เอาของไปเก็บแล้วไปที่ล็อบบี้ที่จัดขึ้นเป็นห้องอาหารพวกผมแยกโต๊ะจากคนอื่น ของกินเพียบโต๊ะผม 4 คน อาหารเท่ากันกับโต๊ะอื่นๆ เหอะๆ แต่สามารถครับทานกันหมดเลย เด็กกำลังโตครับ

บ้านพักที่นี่แต่ละหลังจะมีห้องนอน 3 ห้อง แม่ผมกับเพื่อนนอนห้องเดียวกัน ผมกับแม็คห้องนึงและน้องชายกับเบียร์นอนอีกห้องนึง ครบคู่พอดี เอิ๊กๆ...เปลี่ยนบรรยากาศ เราก็หาอะไรหนุกๆ ทำ แถมห้องนอนที่นี่เก็บเสียงดีด้วยครับ เหอะๆ สบายใจหายห่วงไม่ต้องกลัวว่าใครจะได้ยิน คืนนี้ต้องหนุกแน่ๆ

"แม็คทำไรอ่ะ" ผมเอามือไปจับที่ไหล่แม็คที่กำลังเปิดคอมฯ แล้วเอากล้องต่อสายยูเอสบีเสียบเข้าไป
"โหลดรูปที่ถ่ายกันเมื่อตอนเย็นไง" ถ่ายตอนไหนวะ
"ถ่ายกัน เราไปให้นายถ่ายรูปเมื่อไหร่กัน" ผมก็ต้องงงเมื่อแม็คโหลดรูปแล้วเปิดรูปให้ดู
"ก็ถ่ายโดยที่นายไม่รู้ตัวน่ะซิ จะได้ได้ภาพที่โน่ดูเป็นธรรมชาติน่ะ"
"สวยดีนี่ ดูได้รสชาติดีไปรู้วิธีถ่ายรูปแบบนี้มาจากไหน"
"เห็นในหนังน่ะ เลยลองถ่ายดูนี่แหละ อยากดูมากกว่านี้มะ" มีอีกหรอ
"อะไรงง" ผมเกาหัวหงิกๆ
"ก็แอบถ่ายเวลานายทำกิจกรรมในบ้านทั้งตอนเลี้ยงพุตตี้ เล่นกับน้องชาย หรือเวลาที่นายเดินไปเดินมาในบ้านน่ะ"
"โรคจิตป่ะเนี่ย มาแอบถ่ายเค้าทำไมอายนะโว้ย"
"โอ้ย...อายเบาๆ หน่อยสิ บีบไหล่ซะแรงเลย" ลืมตัวไปคิดว่าจับเก้าอี้อยู่
"ขอโทดนะ มานี่มา" ผมลากแม็คจากเก้าอี้ไปลงนอนที่เตียง
"อะไรของนายเนี่ยยังไม่ได้เซฟรูปเลย"
"เดี๋ยวก่อนก็ได้" ผมทำท่าหื่นใส่แม็ค พร้อมกับปลดเข็มขัดไปด้วย "วันนี้ขอลุกนายแบบเพียวๆ ละกันนะ" ผมยัคคิ้วให้กับสายตาที่หื่นกระหาย
".........." แม็คไม่ตอบอะไร ไม่ใช่สิ...ตอบไม่ได้ เพราะปากแม็คไม่ว่างครับ ผมจับของผมใส่ปากแม็คเรียบร้อยแล้ว แม็คก็เลียวนดูดดุน จนผมแทบจะทนไม่ไหวปล่อยน้ำออกมา ไม่ได้ๆ ปล่อยเร็วไปเดี๋ยวขาดทุน
"แม็คพอก่อน"
"ทำไมอ่ะ"
"เดี๋ยวเสร็จ ขอเถอะนะแม็ค" ผมจับแม็คนอนลงแล้วเอาเจลที่เตรียมมาบีบใส่มือ เอาเจลทาไปที่ของผมและทาก้นแม็ค ผมเลื่อนนิ้วชี้ลงไปที่รูของแม็ค ทีละนิ้วๆ จนหนำใจดูหน้าแม็คแล้วยิ่งได้อารมณ์ ผู้ชายมาดแมน (ผมก็แมนนะ) นอนแผ่หลาให้ผมทะลวงบั้นท้าย ผมจับขาแม็คยกขึ้นพาดบ่า เอาจู๋จ่อตรงรูแล้วดันมันเข้าไป อ้า...ซีด เสียวสิครับ พอดันจนสุด มองหน้าแม็คอีกทีอันแสดงว่าเจ็บ กัดฟันกรอดๆๆ "พร้อมนะ" แม็คพยักหน้ารับ ผมก็เริ่มซอยช้าๆ เนิบๆ แล้วเร่งความเร็วอีก อ่า...มันจริงๆ เสียงแม็คครางกระเส่า ผมสาวออกเกือบสุด และกระแทกเข้าสุดๆ อือๆ...ผมจับแม็คเปลี่ยนท่าเป็นท่าคลาน แล้วอัดเข้าไปอีกที อึกๆ...เสียวสุดๆ ท่านี้ ผมใกล้จะเสร็จแล้วหล่ะ ผมรีบเร่งความเร็วขึ้นๆ อ่าๆๆ....ๆๆๆ "อ่ะ ๆ ออกแล้ว อ่าๆๆ" ผมกระตุกแล้วกระแทกอีกหลายที จนน้ำออกจนหมด ผมก็ดันตัวแม็คแล้วฟุบลงไปนอนแนบหลังแม็ค หอบเพราะเหนื่อย หายใจก็แรง แม็คก็เช่นกัน ผมยันตัวขึ้นก้มมองตรงก้นแม็คแล้วถอนของผมออกมาช้าๆ น้ำที่คั่งค้างอยู่ภายในมากมายก็เยิ้ม พอหลุดออกมาน้ำที่อยู่ภายในก็ไหลตามออกมาอีก ผมพลิกตัวนอนหงาย แผ่หลาด้วยความเหนื่อย แม็คพลิกตัวมากอดผมเอาไว้แล้วเราก็พร้อยหลับไป นานเท่าไหร่ไม่รู้จนมีคนมาเรียกที่หน้าประตูห้องให้ลงไปทานอาหาร เช้าแล้วนี่นา

ผมปลุกแม็คแล้วเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวอย่างรีบๆ แล้วลงไปที่ล๊อบบี้ ก็เจอทุกคนนั่งรออยู่แล้ว...ผมเข้าไปนั่งโต๊ะเดียวกันกับนายและเบียร์

คนอื่นๆ ที่มาถึงเมื่อเช้า ต้องบอกว่าเมื่อเช้าเพราะผมหลับลึกไงที่ตื่นมาเนี่ยไม่ใช่ตอนเช้าซะหน่อย มันเที่ยงแล้วหล่ะครับ โดนแม่เอ็ดด้วย แต่แม่ผมท่านคงไม่มีเวลาว่างมากบ่นมากหรอกครับเพราะต้องดูแลความเรียบร้อยของงาน พอทานข้าวเสร็จก็พักผ่อนได้นิดหน่อย ตอนบ่ายคนอื่นๆ ก็เข้าไปในห้องประชุมพวกผมก็เดินเล่นเตร็ดเตร่ไปมา ถ่ายรูปเอย เดินสำรวจไปทั่วๆ สุดท้ายเราไปนั่งชิลบรรยากาศที่ริมน้ำ เฮ่อ...อากาศสุดยอดเลย

ตกเย็นก็รับประทานอาหารกันอีก อิ่มหมีพลีมัน...ดึกๆ เค้าก็สังสรรค์กันในห้องประชุม พวกผมก็เข้าไปนั่งด้วย มีกิจกรรมสันทนาการแจกรางวัล ร้องเพลง เต้นรำกันตามประสางานสังคม สนุกสนานไปตามๆ กัน ชอบครับครื้นเครงแบบนี้ถึงจะคนละรุ่นกันแต่ก็นะ สนุกไปอีกแบบ ผมแอบบอกพนักงานให้ผสมแอลกอฮอร์ลงไปในน้ำอัดลม ครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่กินเหล้า เหอะๆ...ผลออกมาเมามายกันไปตามระเบียบ ไม่รู้ว่าดื่มไปกี่แก้วเท่าที่รู้คือเดินกลับไม่ไหว พอประมาณ 5 ทุ่ม งานก็เลิกพอผู้เข้าร่วมกลับเข้าที่พักกันหมดเหลือพวกผมนี่แหละ
"เป็นไง ริอาจแอบกินเหล้ากันนะ" แม่ผมมายืนจังก้าอยู่ข้างๆ โต๊ะ
".........." ผมนั่งหน้าสลดเลย เดินแทบจะไม่ไหว
"เดี๋ยวแม่จะขึ้นไปห้องคาราโอเกะกับเพื่อนๆ แม่นะ ต่อมั้ย" แม่ผมยิ้มครับ เหอะๆ...ผมงี้ตาสว่างเลยครับ รีบลุกเดินตามแม่ขึ้นไป (ต้องบอกว่าเด็กขี้เมา 4 คน)

พอขึ้นไปถึงก็มีเพื่อนๆ แม่ผมร้องคาราโอเกะกันอยู่เกือบๆ 20 คนเห็นจะได้ ผมก็เข้าไปนั่งจุมปุ๊กอยู่ด้านหลังห้อง พนักงานก็เอาน้ำมาเสริฟ พร้อมกับผสมแบ็ค. นิดหน่อย ไม่หน่อยหรอกมั้งผมว่ามันแรงมากๆ จิบไปทีเดียวมึนเลย
"นี่เราสี่คนน่ะ แม่ไม่ว่านะโตกันแล้วจะลองก็ได้แต่ห้ามไปแอบกินกันเองนะ"
"ครับแม่" เสียงยานจัง ทำไมไอ้น้ำนี่มันทำให้เสียงเราเปลี่ยนไป เพื่อนๆ ผมก็พยักหน้ารับ
"แล้วถ้าไม่ไหวก็หยุดกินซะนะ บอกแม่จะให้พนักงานพาไปส่งที่บ้านพัก"
"ครับแม่" พูดได้แค่เนี้ย สมองมันสั่งได้แค่นี้แหละครับ


ไปต่อตอนถัดไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2551

แบบเรียนที่ 32

ทางออกที่ผมกับนายคิดมาด้วยกัน ผมตกลงจะไม่บอกกับแม็ค ถ้าบอกไปแม็คคงจะเสียใจแย่ พักนี้ผมกับแม็คไปไหนด้วยกันไม่ค่อยจะได้ส่วนมากผมจะไปกับนายสองคน เออลืมกับไอ้เด็ก ม.ต้น นักบาสคนนั้น

ขอเล่าเรื่องไอ้เด็กคนนี้หน่อย เป็นเด็ก ม.2 ครับ ชื่อน้องเบียร์ เจอหน้ากันทีแรกก็นึกว่าใคร ที่ไหนได้ผมเทรนมากับมือได้เด็กคนนี้ จนมันเก่งบาส มันเห็นผมทีแรกนะมันตกใจเลยครับ มันก็ว่าแล้วว่านายหน้าเหมือนใคร ที่แท้ก็ผมนี่เอง ดีครับที่เป็นเด็กคนนี้ ไว้ใจได้ไม่เจ้าชู้ถึงหน้าตาหล่อเหลาเอาการ เล่นบาสทีสาวๆ รายล้อมกรีดๆ สนั่นยิม แต่เท่าที่รู้คือมันเป็นเกย์คิงเต็มตัวครับมันไม่ชอบผู้หญิงเลย แค่เล่นๆ ด้วยเท่านั้นเอง

กับแม็คผมพยายามห่างๆ พอผมทำตัวแบบนี้แม็คก็หาว่าผมมีคนอื่น ผมเลยเข้าทางบอกไปว่าผมคบกับอีกคนนึงอยู่ โดยเอาชื่อพี่ป้องมาอ้าง (จำพี่ป้องได้มั้ย) ถึงไม่อยากจะทำแต่ก็ต้องตัดใจล่ะครับ ทำไงได้ถ้าแม่รู้อีก อาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยก็ได้ แต่ผมก็ว่าเราเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมจะดีกว่า แม็คไม่ยอมท่าเดียว แม็คขอเจอหน้าพี่ป้อง มันจะต่อยพี่เค้ามั้ยเนี่ยกลัวใจมันจริงๆ เลยครับ บทจะดีก็แสนดี บทจะร้ายแม็คมันไม่แพ้ตัวโกงในหนังหรอกครับ ไอ้นี่มันร้ายสุดๆ

ณ สวนสาธารณะ ตอนบ่ายแก่ๆ
"โน่ถามจริงๆ เถอะ เราผิดอะไรทำไมต้องทำกับเราแบบนี้ด้วย" เสียงแม็คสั่นๆ แต่พยายามเต๊ะท่าเก๊กไว้เพื่อเก็บอาการ
"นายไม่ได้ผิด เราผิดเองน่ะแหละ ขอโทดด้วยนะที่ทำอะไรลงไป อ่ะเราเอาสร้อยของนายมาคืน" พี่ป้องยืนมองเราสองคนคุยกัน พี่ป้องนี่ก็เพิ่งจะรู้ครับว่าวันที่ผมเหม่อที่ร้านผมเหม่อถึงใครก็แม็คนี่แหละ ผมยื่นสร้อยคืนให้กับแม็ค แม็ครับไปแล้วบอกว่า
"ถ้าโน่ไม่ใส่แล้ว...มันคงไร้ความหมาย" ผมไม่กล้ามองหน้าแม็คครับ เพราะถ้ามองผมกลัวตัดใจไม่ได้ที่ต้องเห็นน้ำตาของคนที่ผมรัก "โน่...เราให้แล้ว เราไม่เอาคืนหรอก...โน่ มันมีความหมายต่อเรามากนะ" แม็คพูดน้ำเสียงสั่นเครือและพยายามจะใส่สร้อยคืนให้ผม
"ไม่เอา" ผมทำเสียงแข็ง แล้วปัดสร้อยตกพื้น "เราขอโทด เราไปก่อนนะ ไปพี่ป้องเราไปกันเถอะ" ผมเดินไปทางที่น้องนายกับเบียร์ยืนคอยอยู่
"พี่โน่ พี่แม็คร้องไห้" นายยืนมองแม็ค เหมือนจะร้องไห้ตามไปด้วย เสียงนายสั่นมากๆ เจ้าน้ำตาจริงๆ ผมยังไม่ทันหันไปมอง ผมก็ร้องไห้ครับและวินาทีที่ผมหันกลับไปมอง ผมก็เห็นเด็กผู้ชายที่เคยเป็นคนที่แข็งแรง แข็งกร้าว และอ่อนโยนในความรัก แต่น้อยครั้งครับที่จะเสียน้ำตาหรือร้องไห้ให้ใครเห็น แต่วันนี้แม็คร้องไห้ครับ แม็คยืนถือสร้อยที่ผมทำตกไปมองผมเค้าร้องไห้ไม่มีเสียงหรอกแต่น้ำตาที่ไหลพรากๆ ดูแล้ว มันจะอะไรนักหนาเนี่ยทำไมผมตัดใจกับคนคนนี้ไม่ได้เลย

ผมทนไม่ได้จริงๆ ผมวิ่งกลับไปหาแม็ค
"แม็ค" ผมเรียกชื่อแม็ค แม็คก็ยืนนิ่งน้ำตาไหล "โน่ขอโทด ที่โน่ทำให้แม็คต้องเจ็บอีกครั้ง ให้อภัยโน่นะครับคนดี" ผมโผลเข้าหาแม็ค สวมกอดเค้าอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกในหลายวันที่ตั้งแต่วันที่ไปเกาะเกร็ดมาเราไม่ได้ถูกตัวกันเลย สัมผัสแรก คือความอบอุ่นครับ ผมรู้สึกอบอุ่นทุกครั้งเมื่อได้กอดกับแม็ค และครั้งนี้ก็เหมือนกัน เหมือนแม็คคือที่พักพิงที่ผมไขว่คว้าหามาโดยตลอด
"ขอโทดนะโน่" แม็คเอาสร้อยที่ผมคืนไปใส่กลับมาที่เดิม
"แม็คโกรธโน่มั้ย"
"ไม่ครับ ไม่โกรธ"
"จริงๆ นะ"
"จริงครับ แม็ครู้หมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นนายเล่าให้ฟังแล้ว โน่อย่าโกหกเราอีกนะมีอะไรบอกเรามาเลยเราจะได้หาทองออกด้วยกัน" แม็คเช็ดน้ำตาให้ผม ผมก็เช็ดให้แม็คเช่นกัน "พี่เค้าไม่เกี่ยวเอาเค้ามาให้ลำบากทำไม" ผมก็เลยหันไปมองพี่ป้อง พี่ป้องก็ยิ้มทั้งน้ำตาครับ

เรามานั่งทานขนมกันที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน แต่ก็ไกลพอที่แม่ผมจะไม่ผ่านมาเห็นแน่นอน(มั้ง) พี่ป้องเค้าบอกว่า พี่ก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละว่าจะมีหรอที่ผู้ชายกับผู้ชายจะคบกันและรักกันได้มากขนาดนี้ ทำเอาพี่เค้าน้ำตาไหลได้เหมือนกัน และตอนที่ผมบอกพี่เค้าว่าผมเป็นเกย์พี่เค้าไม่เชื่อ จนได้มาเห็นกับตาพี่เค้าอึ้งไปเลยครับ แต่เค้าไม่ได้ว่าอะไรบอกแค่ว่ารับได้ไม่มีปัญหา ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าพี่ป้องเป็นผู้ชายคนเดียว ในหมู่เกย์อีก 4 คน
"เอ่อ เดี๋ยวพี่ต้องไปที่ร้านก่อนนะครับ จากตรงนี้มันไกลเดี๋ยวจะสาย" พี่ป้องขอตัวไปทำงาน
"ได้ครับๆ โทดทีนะพี่ที่ดึงเอาพี่มาเกี่ยว ลำบากแย่" ผมสารภาพผิด
"โอ้ยลำบากอะไรกัน พี่เต็มใจต่างหากเล่า ไปก่อนนะครับ" เราต่างคนต่างหวัดดีพี่ป้องแล้วพี่เค้าก็เดินออกจากสวนไป

"พี่โน่ จะเอาไงล่ะทีนี้" นายถามผม (เบียร์ไม่มีบทหรอครับ มีนะ...ก็มันคุยอยู่กับนายสองคนน่ะ ไม่เกี่ยวกันซักกะหน่อยนึง)
"เอาไงหรอ แม็คนายล่ะว่าไง" ผมถามแม็คต่อ เพราะตัวเองก็ไม่มีคำตอบ
"ก็เหมือนเดิม เรานัดเจอกันนอกบ้านก็ได้นี่ อยู่โรงเรียนเราก็เจอกัน เวลาเข้าบ้านโน่ก็ไม่อยู่กันสองต่อสองให้นายอยู่ด้วยตลอดแม่จะได้ไม่สงสัย"
"ก็ดีนะ" นายเห็นด้วย
"ทีแม็คกับนายคบกันตั้งนานแม่ไม่รู้ เราคบกันได้แป๊ปเดียวเองแม่รู้แล้ว" ผมน้อยใจตัวเองเหลือเกินครับ ที่กับน้องชายผมสามารถช่วยปิดแม่ได้ แต่กับตัวเองกลับเอาตัวไม่รอด

หลังจากนั้นเราก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย จนเย็นนายไปส่งเบียร์แล้วกลับเข้ามา
"กลับบ้านเถอะพี่โน่ ผมหิว" นายยืนลูบท้องทำปากจู๋ ผมมองหน้าแม็คที่ทำท่ากระอิดกระเอียด
"ไม่อยากกลับอ่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน" แม็คอ้อนอีกล่ะ
"ฮ้ลโหลครับแม่ (แม่โทรมาพี่โน่) อยู่ด้วยกันครับแม่ เดี๋ยวกลับแล้วครับ" แม่ผมโทรมาที่เครื่องนาย ทีลูกตัวเองไม่โทรแหะ แปลกจัง
"แม็คคงต้องกลับจริงๆ แล้วหล่ะนะ พรุ้งนี้ก็เจอกันที่โรงเรียนอยู่ดี น่านะครับคนดี อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้เจอกันอีกเลยนะครับ" ผมพูดปลอบใจแม็คหรือตัวเองก็ยังไม่แน่ใจ ผมว่าถ้าเราต้องแยกกันจริงๆ ผมว่าแม็คก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน

"กลับมาแล้วครับแม่" ผมตะโกนเสียงดังตั้งแต่หน้าบ้าน เดินเข้ามาแม่ก็กำลังทำอาหารอยู่ในครัวพอดีเลย
"แม่ครับมีอะไรทานมั่งเอ่ย" ผมกอดแม่ขณะที่แม่กำลังทำอาหาร
"อ้อนแบบนี้ จะเอาอะไรอีกล่ะ" ผมไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่นเลยนะเนี่ย สงสัยผมต้องทำตัวใหม่ซะแล้ว
"เปล่านะครับ ก็รักแม่ไงครับอยากกอดนานๆ" ผมอ้อนสุดๆ แหละ
"เหมือนกับแม็ครึเปล่า ถ้ารักกันมากจริงๆ ก็อย่าให้แม่ลำบากใจก็แล้วกันลูก แม่เห็นลูกแม่กับแม็คร้องไห้กัน แม่ปวดใจจริงๆลูก ถึงจะไม่ถูกต้องนักแต่แม่ก็ต้องยอมแพ้ใจของลูกทั้งสองคนจริงๆ คงจะห้ามไม่ได้แล้วสินะ" ผมไม่เคยรอดพ้นสายตาแม่จริงๆ และแม่ก็เปิดทางแล้วด้วย เย้ๆ
"ขอบคุณนะครับแม่" ผมกราบขอบคุณแม่ผมที่ท่านเปิดทางให้ผมกับแม็คกลับมาคบกันได้ แต่ผมคงจะต้องกำหนดขอบเขตกันเองว่าเราควรจะวางตัวกันอย่างไรไม่ให้คนภายนอกรู้ได้

ผมเดินออกไปเล่าให้น้องนายฟัง น้องนายก็ดีใจด้วย (นายเปิดหนังดูอีกแล้ว ไปหามาจากไหนมากมาย) สักครู่นึงแม่ก็เรียกให้ไปยกสำรับมาตั้งแม่บอกให้ไปชวนแม็คมาทานด้วยกัน ผมยิ้มแป้น แกมอายด้วย ผมรีบวิ่งไปตามแม็คทันที แม็คก็ทำท่างงว่าทำไมจู่ๆ ก็เรียกให้ไปที่บ้าน คือมันกลัวว่าแม่จะเรียกไปต่อว่าเรื่องของเรา ผมว่าจะเล่าแล้วแต่มันกำลังดีใจจนลืมเล่าบอกแต่ว่าไปที่บ้านก่อนค่อยคุยกัน

พอเข้ามาแม็คก็นั่งที่โต๊ะทานข้าว ผมก็ตักข้าวให้แม็คจานนึง แม็คไม่กล้าทานนั่งนิ่งๆ
"ไม่ทานล่ะลูก อาหารไม่อร่อยหรอ" แม่ผมเริ่มสนทนากับแม็ค ในรอบหลายวันที่แม็คไม่ได้คุยกับแม็ค
"เอ่อ...ครับๆ" แม็ครีบตักข้าวเข้าปาก
"เอ้า ไม่ทานกับด้วยล่ะล่ะ" แม่ผมไม่ยอมราวีเอาง่ายๆ ซะด้วย จนผมต้องตักกับข้าวใส่จานแม็ค

พอทานข้าวเสร็จเราก็มานั่งดูหนังกันต่อ แม่ผมวันนี้ก็มานั่งดูด้วย แม็คนั่งตัวเกร็งเชียว แล้วก็ไม่นั่งใกล้ผมด้วย นั่งห่างเลย สงสัยจะกลัวจริงๆ
"แอบคบกันมานานรึยัง" แม่ผมพูดกับแม็ค แต่เสียงเรียบๆ ไม่ยิ้มหน้าเฉยมากๆ
"ครับ นานแล้วครับ" แม็คก้มหน้าพูด ผมมองหน้ากันเองกับนาย
"แล้วคิดจะปิดแม่ไปอีกนานเท่าไหร่ถ้าแม่ไม่เห็นเอง" แม่ผมทำเสียงดุ
"ผมขอโทดครับ" แม็คก้มหน้างุดเลย น่าสงสารจัง แม่อย่าแกล้งแม็คแบบนี้ซิ (คุณๆ ผู้อ่านรู้กันรึยังครับนิสัยชอบแกล้งผมได้มาจากใคร กวนๆ แบบนี้น่ะแม่ผมคนนี้แหละครับ)
"แม่จะยอมให้เราคบกันนะ แต่..." แม่ผมเว้นวรรคไว้ แม็คเงยหน้ามองหน้าผมแล้วมองหน้าแม่ผม "เราต้องสัญญากับแม่นะว่าเราจะต้องอยู่ในสายตาแม่ตลอด ห้ามเกินเลยขอบเขตเด็ดขาด จะทำอะไรให้เห็นแก่หน้าแม่บ้าง ไม่ใช่มีอะไรก็ปิดบังกันแบบนี้"
"ครับ ผมสัญญาครับ" น้ำเสียงจริงจังเด็ดเดี่ยวทีเดียวเชียวนายคนนี้ บอกแล้วเค้าพูดจริงทำจริง
"งั้นแม่ไม่มีอะไรแล้ว แม่ไปพักก่อนล่ะ" แม่ผมลุกขึ้นข้างบนไป แม็คก็รีบลุกมานั่งข้างๆ ผมทันที
"หมายความว่าไงโน่"
"ก็เข้าใจว่าไงล่ะ" ผมย้อน ยังกวนไม่เลิกเนอะ
"แม่ให้เราคบกันได้ใช่ป่ะ"
"อืม" ผมตอบยิ้มๆ
"ดีใจจัง ทีแรกนึกว่าจะให้เลิกกันซะแล้ว"
"แล้วถ้าแม่ไม่ให้คบกันล่ะ" ผมถามกลับ
"ก็จะพาหนีเลย"
"เฮ้ย เอาจริงหรอ บ้าป่าวแม่เราเสียใจแย่"
"จริงดิก็คนมันรักนี่นา" แม็คคลอเคลียผมอีกแล้ว "โน่ล่ะ จะหนีไปกับแม็คมั้ยถ้าแม่ให้เลิกคบกันจริงๆ"
"ไม่อ่ะสงสารแม่" ถึงผมรู้ว่าใจผมตัดแม็คไม่ได้ก็จริง แต่ผมทิ้งแม่ผมไปไม่ได้หรอกครับ
"งั้นเราจะฉุดไปเลย" ทีเล่นทีจริงครับแบบนี้ แม็คคงไม่ทำขนาดนั้นแน่นอน
"เออๆ ยอมแล้วดูหนังต่อเหอะ" ผมเอามือลูบหัวแม็คเบาๆ "นายมันมองตาเขียวเชียวเดี๋ยวมันก็ด่าเอาอีกหรอก"
"อืมๆ" คงจะเข็ดเวลาดูหนังอย่าส่งเสียงดัง

คืนนั้นเราไม่ได้ทำอะไรกันกลัวแม่ได้ยิน


แล้วเจอกันๆ


โปรดติดตามตอนต่อไป

แบบเรียนที่ 31

ถ้าเป็นคุณจะทำอย่างไรถ้า พ่อ หรือ แม่ รู้ว่าลูกชายคนเดียวของท่านเป็นเกย์...!

นี่ผมกำลังจะทำให้บุพการีเสียใจอีกแล้วหรือนี่

ทางทุกทางย่อมมีทางออก



คงจะมีบางคนสงสัยไม่มากก็น้อย ว่าทำไมเรื่องของผมถึงไม่กล่าวถึงเพื่อนผู้หญิงเลย (ก็มันเรื่องของผู้ชายนี่หว่ายกเว้นพลอยกับแฟนเก่าแม็ค) เพื่อนนะครับไม่ใช่แฟน คำตอบคือ ไม่รู้สิครับ ไม่ค่อยสนิทกับผู้หญิง เหอะๆ...ผมมันผู้ชายปากจัดผู้หญิงที่ไหนจะเอาไปทำเพื่อน


ขัดกันยังไงชอบกล


แล้วทีแฟนผมล่ะทำไมผมถึงไม่ปากร้ายใส่บ้าง "ยกไว้คนนึงครับ คนนี้ผมขอ"


ที่จริงคือ มีครับ...แต่ไม่ได้เอ่ย เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่อง หรือจะเอ่ยดี จะพยายามครับ ผมจะใส่ตัว เอ้ย...นักแสดงผู้หญิงลงไปในเนื้อเรื่องด้วยเพื่อความสมดุลทางธรรมชาติ และเพื่อที่ผมจะได้ไม่ดูเบี่ยงเบนทางเพศมากจนเกินไป


ร่ายมาซะยาว มาเข้าเรื่องจะดีกว่ามั้ย...


ขออีกนิดนึงนะ นี่ก็ 18 กันยายน 2551 (วันที่บันทึกตอนนี้) อีก 78 วัน คือวันที่ 10 ธันวาคม 2551 ก็จะเป็นวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของเกล้ากระผมแล้วครับ ปีนี้ก็จะอายุ 17 ขวบแล้วครับ มาเค้าดาวห์กัน


เข้าเรื่องจริงๆ แล้วนะ


วันก่อนไปเกาะเกร็ดมาครับ ไม่ได้ขับรถไปเองหรอกครับไปไม่ถูก ไกลก็ไกล แม่ชวนเด็กป่วน 3 คน นี้ไปกลับมาแม่ปวดหัว ขอพารา 2 เม็ด ก็ด้วยความเปิ่นของผมเองแหละครับที่เดินลงจากรถไม่ทันไร ทางมีไม่มองมัวแต่ชมนก ชมไม้ ตามสองข้างทาง อย่างกับเด็กที่ไม่เคยออกไปเปิดหูเปิดตาที่ไหน เดินไปชนกับคนคนนึงเข้าอย่างจัง ผมก็ขอโทดๆ เค้าไป พี่เค้าก็ยิ้มให้แล้วบอกไม่เป็นไร คราวหน้าคราวหลังเดินดูทางบ้าง เดี๋ยวเดินไปเหยียบตะปู หรือเศษกระจกเข้า ตรงนั้นของผมมันจบครับ แต่ของนายมันไม่จบ เพียงเสี้ยววินาทีที่พี่คนนั้นพูดกับผม น้องนายที่ช่างปั้นจิ้นปั้นเจ๋อขอแจมด้วย เข้ามาถามพี่เค้าว่าเป็นคนแถวนี้หรอ เท่านั้นแหละ คุยกันนานกว่าจะได้เดินไปดูที่อื่นกันยืนจนเมื่อย แถมแม็คยังเข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย ช่างฉอเลาะเสียยิ่งกว่าอะไร 2 คนนี้ ผมกับแม่ก็เดินดูของอยู่ใกล้ๆ นั่นแหละครับ เดี๋ยวหลงกัน สักพักสองคนนั้นก็เดินตามมาพร้อมมีพี่คนนั้นเดินตามมาด้วย เอาแล้วไง มีญาติเพิ่มมาอีกคน

"เอ่อพี่คนนี้ชื่อพี่ไม้ครับ" ผมกับแม่เลยกล่าวทักทายอีกที ในฐานะที่รู้จักกันในอีกขั้นหนึ่ง

"สวัสดีครับ คุณผู้หญิง" พี่ไม่ดูท่าทางจะถ่อมตัวมากๆ

"คุณผู้หญิงอะไรกัน เรียกคุณน้าก็พอ" แม่ผมก็เป็นไปกับเค้าอีกคน

"ครับคุณน้า" พี่เค้าทำท่าเหนียงอาย เฮ้ย...ก็น่ารักดีนี่หว่า อายุน่าจะประมาณ 21-22 มั้ง

"แล้วมีอะไรอีกหรอพี่" ผมทำเสียงกวนใส่

"พี่เค้าอาสาเป็นไกด์ให้" แม็คทำท่าดีใจ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ หน้าบาน ไม่รู้มันเหมือนจะรู้จักกันมานานแสนนานเลยนะ

"อืม ดีเลยจ้าน้าไม่เคยมาที่นี่เลย" อีกแล้วนะแม่

"แม็คมานี่เดะ" ผมลาคอแม็คออกมาคุยห่างๆ


"มีอะไรหรอ" แม็คทำหน้าเหวอ

"พี่เค้าเกี่ยวอะไรด้วย เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ 18 มงกุฎหรือเปล่าเนี่ยทำมาตีสนิท" ผมร่ายยาว

"ไม่หรอกน่า เรามากัน 4 คน พี่เค้าคนเดียวจะมาหลอกเราได้ไง" แม็คยังคงแก้ต่างให้

"ยังไงก็ยังไม่ไว้ใจอยู่ดีน่ะแหละ มึงไว้ใจคนง่าย" เริ่มขึ้นมึงขึ้นกูแล้วครับ

"เฮ้ย...ทำไมชอบมองโลกในแง่ร้ายนักนะ" เริ่มใส่อารมณ์แล้วครับ

"มึงเข้าข้างเค้ามึงก็ไปอยู่กับเค้าเลยไป" ผมผลักหน้าอกแม็ค แล้วเดินหนีออกจากกลุ่ม พี่ไม้ แม่ นาย กำลังงงอยู่จนเผลอแป๊ปเดียวผมก็เดินหนีหายไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนแม็คนะหรอ มันกำลังนั่งเก็บของที่ซื้อมาน่ะครับ พอผมผลักมันของที่มันถือมาก็ตกแตกหมดเลย (ผมนี่แย่จริงๆ ใช่มั้ยครับ)


"พี่โน่ๆ พี่โน่อยู่ไหนอ่ะตามหาตั้งนานแล้ว" นายโทรฯ หาผม

"พี่อยู่ท่าเรือ" ผมก็ไม่รู้ว่าผมอยู่ตรงไหนเหมือนกันครับ รู้แค่ว่าตรงที่ผมนั่งเป็นท่าเรือ วิวสวยด้วย มองเห็นน้ำไหลไปๆ เรื่อยๆ ดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนแถวนี้

"โหยพี่ท่าเรือมีเป็นสิบ จะหาเจอได้ไงเนี่ย" นายเสียงดังใส่ แต่ไม่ใช่อารมณ์โกรธหรอกน่าจะหงุดหงิดมากกว่า

"ที่ๆ มีเรือด่วนเจ้าพระยาเยอะๆ อ่ะ" ใช่แล้วผมนั่งอยู่ในเรือด่วนฯ จอดอยู่เฉยๆ หลายๆ ลำ

"หรอๆ เออๆ เห็นเรือแล้วแต่ไกลจัง เดินไปทำไมนะ แค่นี้นะเดี๋ยวเดินไปหา" แล้วชายก็ตัดสายไป

"อ้าวมานั่งอยู่นี่นี่เอง" พี่ไม้เดินเข้ามาจากทางด้านหลังผม

"แล้วทำไมอ่ะพี่ ผมนั่งของผมเฉยๆ พี่มายุ่งอะไรกับผม" ยิ่งไม่ชอบขี้หน้าอยู่ยังจะเข้ามายุ่งอีก

"พี่ขอโทดด้วยนะครับ ที่ทำให้น้องกับเพื่อนน้องต้องทะเลาะกัน ตอนที่น้องเดินออกจากกลุ่มพี่ก็ขอตัวแยกออกมาเลย พี่ไม่อยากทำให้ใครมาผิดใจกันเพราะพี่ พี่ไม่กวนแล้วครับไปก่อนนะครับ" พี่ไม้ลุกกำลังเดินออกไป ด้วยความที่ผมเกรงว่าจะเลวไปมากกว่านี้หรือทำให้คนอื่นมองผมชั่วไปมากกว่านี้ผมต้องรับผิดชอบตัวเอง

"พี่ไม้ครับ"

"ครับน้อง" พี่ไม้หันกลับมาทางผม

"จริงๆ แล้วพี่ไม่ได้ผิดหรอกครับ ผมเองต่างหากล่ะที่ผิด ที่มองพี่แบบไม่ดีเกินไป" ผมก้มหน้าก้มตาพูด

"แต่ยังไงพี่ก็เป็นต้นเหตุให้น้องกับเพื่อนต้องทะเลาะกันนะครับ" พี่เค้ายืนยันจะรับผิดอย่างเดียว

"ถ้าผมไม่เดินไปชนพี่ ก็ไม่เกิดเรื่อง พี่ไม่ต้องโทดตัวเองนะครับ"

"ก็ได้ครับ"

"งั้นให้ผมเลี้ยงข้าวเพื่อเป็นการไถ่โทดนะครับ" ผมยิ้มแป้นให้พี่เค้า แล้วเราสองคนก็เดินออกมาจากเรือ

"อ้าวไปดีกันตอนไหนเนี่ย" ชายเดินเข้ามาทัก แต่ผมกลับมองไปที่แม็ค ที่เดินก้มหน้าเข้ามา ถือถุงพลาสติกใส่เครื่องปั้นดินเผาที่มีแต่เศษดินเผาที่แตกละเอียด ผมตกใจเลยครับผมทำไปได้ถึงขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ตอนนั้นผมคิดในใจนะครับ ถ้าผมเป็นแม็คผมจะไม่ให้อภัยโน่เลยครับ


ผมเดินเข้าไปหาแม็ค แล้วกอดตัวแม็คไว้

"แม็ค โน่ขอโทดนะ โน่จะไม่ทำตัวร้ายอีกแล้วครับ" ผมซุกหน้าเข้าที่หน้าอกแม็ค อย่างไม่อายใครต่อใครที่เค้ามองมา

"เอ่อ...เราซื้อใหม่ก็ได้" แม็คดีเหลือเกินครับ นี่ถ้าเป็นผมนะ ผมจะเอาไอ้อันที่แตกน่ะฟาดหน้าซักที (แม้แต่ความคิดก็ชั่ว ร้ายกาจสุดๆ เลยนะ ตัวเอกเนี่ย)

"งั้นให้เราซื้อให้นะครับ" แม็คพยักหน้าแล้วเราสี่คนก็เดินไปหาแม่กัน แม่ที่นั่งรอพักเหนื่อยอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่


"เป็นไงเรา ชอบจังนะสร้างปัญหาเนี่ย" มาถึงแม่ก็ว่าเลยครับ

"ขอโทดครับแม่ ผมผิดไปแล้ว" ผมเดินเข้าไปอ้อนแม่ด้วยการกอดที่เอวแล้วก็หอมแก้มทีนึงใหญ่ๆ "หิวจัง" ผมทำปากจู๋

"รอเราอยู่คนเดียวนี่แหละ ไปป่ะ...หาอะไรทานได้แล้ว"

"นี่เลยครับคุณน้าครับ ร้านนี้ผมขอแนะนำ เดี๋ยวผมพาไปครับ" พี่ไม่เสนอตัว

"จ๊ะ พาไปเลยลูก เดี๋ยวแม่เลี้ยงเต็มที่เพื่อเป็นการขอโทดที่ลูกของแม่นิสัยเสียใส่ นี่นิสัยเก่าคงยังไม่หายหมดน่ะ เริ่มกลายพันธุ์กลับไปเหมือนเดิมอีกล่ะมั้ง" แม่ผมเดินบ่นไปตลอดทางจนผมต้องเดินเอามืออุดหูไว้

"วัยรุ่นก็เงี้ยแหละครับใจร้อน ลองหัดวาดภาพดูสิครับ เผื่อใจจะเย็นลง" พี่ไม้พูดกับแม่ผมแล้วหันมาทางผม

"ฟังไว้นะเรา เดี๋ยวหาซื้ออุปกรณ์วาดเขียนเอาไปนั่งเขียนเลยนะ" แม่พูดแกมบังคับครับ


เราไปทานข้าวกัน ก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อย ก็มีการเล่าเรื่องประวัติความเป็นมาของเกาะเกร็ดจากปากพี่ไม้ น่าสนใจดีครับ เวลาพี่เค้าเล่าเนี่ย ผมมองหน้าพี่เค้าตลอด ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็เวลาพี่เค้าเล่าเค้าจะมีลีลาการเล่าที่น่าฟัง มีท่าทางประกอบ เล่าซะเห็นภาพเลย เหมือนอยู่ในเหตุการณ์
พอเราได้รับฟังประวัติแบบพอสังเขป พี่เค้าก็พาทัวร์ทั่วเกาะ ผมได้ลองปั้นด้วยเครื่องปั้นดินเผาแบบโบราณ คือใช้มือ (เหมือนในรายการทีวี) แล้วผลงานของผมก็ได้นำกลับมาชมเชยที่บ้านด้วย มีสินค้าพื้นเมืองหลายอย่างที่ผมซื้อติดไม้ติดมือกลับมาก็เยอะ โดยเฉพาะแม็คผมซื้อคืนแม็คด้วยส่วนหนึ่ง ไอ้ที่ผมทำตกแตกนั่นก็ยังเอากลับมาด้วย (ไม่รู้จะเอามาทำไมนะ)
พอถึงเวลาที่เราจะเดินทางกลับ เราก็เลี้ยงข้าวขอบคุณพี่ไม้เค้าอีกมื้อนึง จะว่าไปแล้วพี่เค้าดีจังเลยนะครับ (ไม่น่ามองพี่เค้าไม่ดีเลยตอนแรก) วันนั้นพี่เค้าขาดเรียนด้วย เค้ามีเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ยังจะมาพาพวกผมทัวร์อีก ก็ขอบคุณพี่ไม้มากๆ เลยนะครับ ที่เสียสละเวลามาพาพวกผมเที่ยว
กลับมาถึงบ้าน แม่บ่นอุบหาว่าผมชอบทำตัวเป็นจุดสนใจ ชอบเอานิสัยแย่ๆ ไปแสดงออกนอกบ้าน ยาวเลยโดนด่ายาวเลย แล้วพอแม่ผมเหนื่อยแม่ผมก็นั่งพักสักครู่ พอมีแรงอีกก็บ่นอีก จนนายกับแม็คแยกย้ายกันไปอาบน้ำ แม็คขอตัวกลับบ้านไปหาแม่เค้ามั่ง เอาลูกเค้ามากักขังหน่วงเหนี่ยวตั้งหลายวัน
ตอนนี้ผมกับแม่เรานั่งคุยกันตามลำพัง บรรยากาศมาคุๆ เริ่มย่ามกลายเข้ามาใจจิตใจ แม่ผมทำหน้าเคลียดอีกแล้วครับ น่ากลัวจัง
"ลูกโน่ แม่ถามอะไรโน่ตอบแม่มาตรงๆ ได้มั้ยลูก" ผมเสียวสันหลังวาบ เอาแล้วไง เรื่องอะไรกันเนี่ย
"ได้ครับแม่" ผมขยับตัวเล็กน้อยตั้งท่าก่อน ไม่รู้จะตั้งท่าไปทำไม หุหุ
"โน่กับแม็ค" เอาแล้วไงครับ แม่เว้นช่วงความน่ากลัวไว้ "นอกจากที่แม่เห็นวันนี้แล้ว มีอะไรจะบอกแม่มั้ย" แม่เห็นอะไรหรอครับ บอกหน่อย ผมทำอะไรไปตั้งหลายอย่างจำไม่ได้ๆ
"ผม เอ่อ...ผม" ผมได้แต่ตะกุกตะกัก พูดอะไรไม่ออกเลย
"คบกันอย่าให้มันเกินขอบเขตมากนัก แม่เป็นข้าราชการ เป็นคนของสังคม คนที่แม่รู้จักมีหน้ามีตาในสังคม ลูกเป็นลูกชายคนเดียวของแม่ลูกจะเป็นอะไรแม่ห้ามไม่ได้ ลูกต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง จำไว้นะลูกถ้าลูกกับแม็คยังไม่มีอะไรกันแม่ขอให้เราคบกันแค่เพื่อนก็พอ" แม่ผมทิ้งท้ายไว้ ทำเอาผมน้ำตาตกในทีเดียว ถึงจะไม่ห้ามแต่ก็เหมือนเป็นการยื่นคำขาดที่ว่า เลิกกันซะเถอะแบบนี้
ผมไม่รู้จะไปปรึกษาใครดีเลย ไม่รู้ว่าถ้าผมคบกับแม็คต่อไปแม่ผมจะว่าอะไรอีก และถ้าผมเลิกคบกับแม็ค แม็คเค้าก็ไม่ได้ผิดอะไรนี่ คิดแล้วปวดหัวครับ
"ปวดหัว ปวดหัว ปวดหัว" ผมนั่งบ่นคนเดียวบนที่นอน
"เป็นอะไรพี่โน่" นายเดินออกมาจากห้องน้ำ หัวเราะหึหึ แต่ผมหัวเราะไม่ออกน่ะซิ
"แม่รู้แล้ว" พูดไปทำเอานายเงียบเหมือนกัน นายมานั่งข้างๆ ผม ทำหน้าเหมือนจะถามอะไร
"เป็นไงมั่งอ่ะพี่"
"แม่บอกให้เลิกคบกัน" น้ำตามันไหลออกมาเองครับ นายก็โอบกอดผมไว้เชิงปลอบใจ
"พี่โน่จะยอมเลิกกับพี่แม็คหรือเปล่า"
"ไม่รู้สิ พี่จะทำยังไงดี"
"ไม่ต้องทำอะไรสิ แค่อย่าให้แม่เห็นอีกว่าพี่โน่กับพี่แม็คเป็นกันมากกว่าเพื่อน"
"แล้วแม็คจะยอมหรอ"
"ไม่ยอมก็ต้องทำใจล่ะทีนี้ ถ้าอยากจะคบกันอีก"
"จะพยายามดู"

เดี๋ยวจะมาต่ออีกตอนนะครับ

วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551

แบบเรียนที่ 30

กว่าจะถึงบ้านคอผมก็แดงเป็นจ้ำหลายที่เลยครับก็จะอะไรซะอีกล่ะครับผมน่ะขับรถแต่แม็คน่ะซิมีอารมณ์ตลอดทางเลย
"ไปอาบน้ำก่อนนะ" ผมหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วกำลังจะเดินเข้าห้องน้ำแม็คก็เดินตามเข้า "เข้ามาทำไมเนี่ย"
"อาบด้วยซี่" แม็คทำเสียงเซ็กซี่แล้วเข้ามาใกล้เอื้อมมือมาโอบเอวผมเอาหน้ามาซุกที่ซอกคอ ผมรู้สึกวูบวาบๆ ที่ต้นคอยังไงบอกไม่ถูกแต่ก็ดีครับแล้วแม็คก็ดึงชายเสื้อผมขึ้นแล้วถอดออกเผยให้เห็นกล้ามแบบซิคแพกค์ ล้อเล่น...หน้าอกที่ขาวเนียนของผมหัวนมยังชมพูอยู่ครับ แล้วแม็คก็ก้มลงดมที่ซอกคอ "หอมจัง"
"แม็คเสียวว่ะ" ผมแทบจะควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู่ ตัวอ่อนเหมือนจะหมดเรี่ยวแรง "มาเราถอดเสื้อให้นายมั่ง" ผมเลยทำแบบแม็คแล้วก้มลงดมที่ซอกคอแม็คบ้าง "เหม็นจัง เหอะๆ...ล้อเล่น หอมเหมือนกันนะเนี่ย" ต่อจากนั้นเราก็ถอดกางเกงกัน ตามด้วยกางเกงบ็อกเซอร์และก็กางเกงในตัวสุดท้าย ผมเอื้อมมือไปเปิดน้ำฝักบัวที่ต่อจากเครื่องทำน้ำอุ่น (ตอนนี้อากาศหนาวครับเพราะฝนข้างนอกตกหนักเลย) เราผลัดกันฟอกสบู่ ถูหลัง ชำระล้างร่างกายซึ่งกันและกัน กลิ่นสบู่ที่หอมกับไอน้ำที่ระเหยออกมาเป็นหมอกหนาทำให้การอาบน้ำของเราสองคนอบอวลไปด้วยความสุข ความละมุนละไม ผมกำลังมีความสุขครับแต่ถึงกระนั้นก็เถอะผมยังไม่สามารถเรียกได้เต็มปากเต็มคำว่าความรัก แต่ผมก็รักในสิ่งที่ผมเป็นและสิ่งที่เราสองคนกระทำร่วมกัน เราล้างตัวเอาฟองสบู่ออก ภายใต้สายน้ำและไออุ่นเราสองคนกอดกันแน่น  ผมระดมจูบรุกไร้ทั้งต้นคอแผงอกของแม็คอย่างหื่นกระหายในความใคร่และดูเหมือนผู้ที่ถูกกระทำ แม็คจะชอบใจด้วยการแสดงออก บนใบหน้าเกลี้ยงเกลาสดใสริมฝีปากแดง ของเขาเผยอออกซีดเสียงเบาๆ แต่คงได้ยินอยู่ ดวงตาที่มองมาก็เป็นประกายถึงความใคร่ถึงที่สุด แต่สิ่งที่ดูจะต้องการให้กระทำมากที่สุดคือส่วนกลางของลำตัวของเค้านั่งเองนั่นเอง มันพะหงกหัวหงึกๆ ต้อนรับการชมเชยจากผม
"โน่ครับเสียวจังเลย อย่าทรมาณแม็คอีกเลยครับ" ผมเลยซุกไซร้ไล่ไปตามลำตัวแม็คลงต่ำเรื่อยลงมา จนถึงตรงนั้น เชื่อมั้ยเราสองคนอายุก็ 17 แล้ว แต่ทำไมขนมันไม่ดกเลยมีขนเพียงเล็กน้อยไม่มีรามไปถึงสดือเหมือนคนอื่นๆ เลย (แอบอิจฉาคนขนดกง่ะ) ผมจับมันแล้วมองหน้าแม็คเพื่อรอคำตอบที่ไม่ใช่คำพูดแต่เป็นเพียงการพยักหน้าแทน ผมใช้ลิ้นเลียวนไปมา กิริยาของแม็คก็กระตุกเอวแอ่นกายไปมาด้วยความกระสันเสียว ผมดูดมันเข้าไปลึกพอประมาณเท่าที่ผมจะสามารถทำได้ ผมทำไปได้สักพัก
"โน่ครับหยุดก่อนเดี๋ยวเสร็จเร็ว"
"ทำไมล่ะ ไม่ชอบหรอไง อุตส่าห์ทำให้" ผมถามด้วยความสงสัย ปนน้อยใจนิดๆ
"เปล่าหรอกครับ โน่ครับผมขอนะครับ" ปากไม่พูดเปล่า มือยังกำขยี้ก้นของผมอีก
"ไม่ทำโน่เจ็บแบบคราวก่อนนะครับแม็ค" ถึงจะกลัวเจ็บแต่ไม่ไหวแล้วครับถึงไหนถึงกันเลย เสียวจัง
แม็คจับผมหันหลัง แม็คบอกให้ผมเอามือชันกำแพงเอาไว้แล้วอ้าขาให้กว้างออก แม็คเอาหน้าซุกลงไปที่ก้นผม ผมสะดุ้งดิครับเสียววาบๆ แล้วแม็คก็เอาลิ้นนุ่มๆ เลียไปที่ก้นผมอย่างบรรจง ดันดุนลิ้นจนเริ่มที่จะเอานิ้วแหย่เข้าไปจากหนึ่งนิ้วเป็นสองนิ้ว ความรู้สึกมีสองด้านครับ ด้านหนึ่งก็เจ็บมากๆ ครับ แต่อีกด้านเสียวอย่างบอกไม่ถูกครับ
"โน่ครับคราวนี้แม็คจะไม่ทำให้โน่เจ็บมากครับ" แม็คเอื้อมมือไปหยิบหลอดอะไรบางอย่างจากชั้นวางของในห้องน้ำ
"อะไรหรอแม็ค" ผมไม่รู้จริงๆ อ่ะ ไม่เคยเห็น
"เจลหล่อลื่น" แม็คยัคคิ้วให้
"บ้านเรามีด้วยหรอไม่เคยเห็น" แล้วแม็คก็เอาเจลทาที่นิ้วไปเรื่อยๆ อย่างคล่องเหมือนเคยทำบ่อยๆ (คงงั้นแหละกับนายไง)
"มีสิ แม็คซื้อมานานแล้วตั้งแต่คบกับน้องนายน่ะ" ทำไมต้องพูดถึงนายด้วยนะ แม็คทำไปพูดไป พอผมเผลอก็เอานิ้วแหย่เข้ามาอีก ไม่รู้ตัวเลย ได้เจ็บสิครับ
"โอ้ยเจ็บ" ผมร้องเสียงหลงเลย
"ขอโทดครับ" แม็คเริ่มควานในก้นผม เสียวแหะไม่เจ็บแล้ว "พร้อมรึยังครับ" ผมได้แต่พยักหน้าเพราะความเสียวทำให้หน้าผมเหยเกจนพูดไม่ออก แม็คยืนขึ้นแล้วเอาของแม็คจ่อตรงมาที่ก้นผม มือข้างนึงจับของแม็คเอาไว้ อีกข้างนึงก็โอบเอวผมเอาไว้แล้วแม็คก็ดันมันเข้ามา
"ซีด....ด" ผมซีดยาวเจ็บปนเสียวครับ แต่อดกลั้นความรู้สึกเอาไว้เพื่อไม่ให้มันขัดความต่อเนื่องกัน แม็คดันมาเรื่อยๆ จนสุดโคน
"เจ็บรึเปล่า" แม็คกระซิบที่ข้างหู
"จุกน่ะ แต่เสียวทำต่อเถอะโน่เสียวจนจะทนไม่ไหวแล้ว" แล้วแม็คก็เริ่มซอยจากช้าๆ เริ่มมีจังหวะขึ้นเอียงซ้ายบ้างขวาบ้างจนเร็ว แม็คจับผมให้ถอยหลังตามแม็คไปมือกอดผมเอาไว้เพื่อไม่ให้หลุด แม็คดึงผมให้นั่งตามลงไปที่โถชักโครก เอาขาผมคร่อมขาแม็คเอาไว้
"โน่แม็คจะเอนตัวลงนะแล้วโน่ก็ตวัดขาข้ามแม็คไปเลยนะอย่าให้หลุดนะ" แล้วแม็คก็เอนตัวไปข้างหลังผมก็ตวัดขาตามเพื่อพลิกตัวหันไปทางแม็ค พอหันไปได้แล้วแม็คก็เอนตัวกลับมา หน้าผมกับแม็คชนกัน ผมก้มหน้าลงดูดปากกับแม็คแล้วผมก็เริ่มโยกตัวขึ้นลงเป็นจังหวะ ท่านี้ของแม็คเข้ามาลึกครับ ถึงจะลึกยังไงผมสามารถควบคุมตัวเองได้ครับ ของผมก็ตีหน้าท้องแม็คไปด้วยทำให้ผมเองก็เสียวไม่แพ้กันเราสองคนต่างซุกหน้าที่คอของกันและกัน ไม่เคยทำให้ใครหรอกครับแต่ไม่รู้อะไรเข้าสิงผมตอนนั้น ทำให้ผมทำลงไป (จิตใจเอนเอียงและเบี่ยงเบนไงล่ะ)
"โน่แม็คใกล้แล้วครับ"
"ครับๆ โน่ก็ใกล้แล้วเหมือนกัน เสียวมากๆ เลย" ทั้งๆ ที่มือก็ไม่ได้แตะมีแต่ของผมน่ะแหละแตะหน้าท้องแม็ค ผมเร่งความเร็วขึ้นจนแม็คเกร็งตัวแล้วฉีดน้ำเข้ามาในตัวผม ผมโยกตัวต่อไปได้สองสามทีผมก็ทนไม่ไหมเหมือนกัน ฉีดน้ำของผมไปที่หน้าอกของแม็คเยอะมากมาย ด้วยเพราะความเสียวในอารมณ์ร่วมที่มีอยู่มากมั้งครับ

ผมนั่งแช่ก้นไว้นานเพราะเหนื่อยครับผมซบลงที่คอแม็คกอดเอวแม็คเอาไว้ แน่นขึ้นและหายใจแรงด้วยความเหนื่อย แม็คก็หายใจแรงไม่แพ้กัน แม็คจูบคอผมแล้วดันหน้าผมขึ้นมาจูบปากกันได้อีก
"แม็คอาบน้ำใหม่เถอะเลอะไปหมดแล้ว" ผมลุกขึ้นสำรวจตัวเองว่ามีอะไรตามออกมาบ้าง อย่างที่คิดไว้เลยครับ ไหลซิมออกมาเป็นสายผสมกับน้ำของแม็คเลย เลือดน่ะสิครับ
"ขอโทดนะ เจ็บมั้ยเนี่ย" แม็คประคบประหงมก้มลงดู
"ไม่ค่อยเจ็บนะ ไม่เหมือนครั้งก่อนแต่มีแสบบ้างไม่มาก"
"งั้นเดี๋ยวอาบน้ำให้นะ ลงไปทานข้าวทานยาแล้วนอน" ทำไมมีอะไรกันแล้วต้องไม่สบายทุกทีสิน่า ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่เลย

เราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็ลงไปหาอะไรทานแต่ผมแสบก้นครับ เดินแล้วมันแสบมากๆ สงสัยคงเริ่มออกฤทธิ์และในเมื่อไม่มีใครอยู่บ้านเลย แม็คเลยอุ้มผมลงไปข้างล่าง ถึงตัวจะหนักแต่แม็คก็ไม่บ่น เพราะแต่ก่อนก็อุ้มชายแบบนี้แหละ น้ำหนักตัวพอๆ กันเลยแต่ความพยศต่างกันเท่านั้นเอง ขณะที่แม็คอุ้มผมไปเรื่อยๆ ผมก็มองหน้าแม็คและจดจำรายละเอียดเอาไว้ ดูแล้วก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่หล่อดี ใสๆ กวนๆ ตาตี่ๆ ปากก็ห้อยๆ (ไม่ห้อยก็ดูดปากไม่เก่งดิ) จมูกโด่งๆ มีเขี้ยว มีลักยิ้ม น่ารักไม่เบานะแม็คของเราเนี่ย ถึงว่ามีผู้หญิงชอบมันเยอะ

"แม็คทานอะไร" ผมถามเมื่อแม็ควางให้ผมยืนอยู่ในครัว
"ทำอะไรให้ทานก็ทานได้หมดแหละ ว่าแต่ทำเป็นหรอ" เออ...ทำไม่เป็นไข่ยังทอดไหม้เลย
"ไม่อ่ะ งั้นสั่งอะไรมาทานสิ"
"พิชซซ่ามั้ยครับ" เดี๋ยวโดนตบหรอกแม็คไม่ชอบกินซะหน่อย
"ไม่รู้อะไรเลยนะ ไม่ชอบทานพิซซ่าสั่งอะไรก็ได้ที่ไม่ใช่พิซซ่า"
"ครับๆ ท่าน...งั้นสุกี้ชาบูมั้ยครับ" เฮ้ยชอบๆ เอาเลย เบื่อเอ็มเคแล้ว
"เอาๆ ชอบหมูนุ่มเยอะๆ เลยนะ เอาเห็ดเข็มเยอะด้วย แล้วก็ลูกชิ้นเกี้ยวปลาเยอะๆ หิวๆ สั่งเลยๆ" เมื่อเราใช้กำลังไปเยอะ เหอะๆ กำลังในที่ร่มน่ะ เราก็ต้องเสริมพลังเข้ามาในร่างกายเพิ่ม เพราะว่า...แหะๆ แม็คนายโดนเอาคืนแน่ๆ แต่เราจะไม่ปราณีกับนายหรอก

ไม่ถึง 20 นาที ไวดีมาถึงแล้ว...แม็คก็จัดแจงด้วยความคร่องแคร่วว่องไวกระฉับกระเฉง เสร็จเราก็รอจนน้ำเดือด แล้วก็เอาสรรพสิ่งต่างๆ ใส่ลงไป กินจนเสร็จก็อิ่มกันจนจุก งั้นเป็นอันว่าแม็คนายอุ้มเราไปไว้ที่เตียงเถอะอยากจะนอนอิ่มแล้ว ฝากไว้ก่อนพรุ้งนี้ค่อยเอาคืนก็ยังไม่สาย แต่เอ๊ะ...พรุ้งนี้มีเรียนนี่หว่า นายล่ะนายไปไหน
"แม็คหยิบโทรศัพท์ให้หน่อย"
"ทานยาก่อน เดี๋ยวหยิบให้" ผมก็รับยามาทาน "จะโทรหาใครอีกล่ะ"
"หาแม่สิ ไปไหนกับนายก็ไม่รู้"
"ฮัลโหล" แม่รับสาย
"แม่ครับอยู่ไหนครับ"
"อ๋อ โน่หรอลูก แม่ชวนนายเค้ามางานกับแม่น่ะลูกเดี๋ยวก็กลับบ้านแล้วหล่ะ" งานสังคมของแม่ผมครับใครที่ทำงานราชการระดับซีสูงหน่อยก็คงจะทราบดีนะครับว่างานต่างๆ ที่เค้าเชิญมาจะปฎิเสธไม่ได้ด้วย สงสัยแม่คงจะพาผมไปแต่ผมไม่อยู่บ้านเลยพานายไปแทน เอาไปหลอกคนอื่นว่าเป็นผมแน่ๆ เลย แม่เคยบอกหลายครั้งว่าจะพาไปเพื่อนแม่เค้าอยากเห็น

ผมกับแม็คนอนกันก่อน เกือบๆ ชั่วโมงก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามานอนอีกคนข้างๆ ผม ผมหันไปมอง
"เป็นไงมั่งนาย"
"เกือบหลุด"
"อะไรหลุด"
"ก็แม่น่ะสิบอกให้ผมเป็นพี่โน่น่ะ เกือบหลุดหลายทีแล้ว"
"อืมๆ คราวหน้าพี่จะไปเองแล้วกันนะ"
"เสียงแปลกๆ ไม่สบายรึเปล่าเนี่ยพี่โน่" ผมเลยเอามือแตะหน้าผากและคอดู ร้อนๆ รุมๆ
"นิดหน่อยน่ะ ทานยาแล้วเดี๋ยวคงหาย"
"อืมๆ ไม่ไหวก็บอกนะเดี๋ยวจะได้รีบไปหาหมดก่อนจะเป็นหนัก" นายดูเป็นห่วงเป็นใยผมดีจัง
"ครับน้องนาย" ผมก็หันกลับไปหาแม็คแล้วกอดเอาไว้ แม็คก็เอามือมากุมมือผมเอาไว้ คงยังไม่หลับหรอก

ตื่นเช้ามาสบายตัวดีครับ ไม่ค่อยแสบแล้ว แต่แม็คก็ยังบังคับให้ทานยาอยู่ได้ บอกไว้ว่ามันจะได้ไม่อักเสบอีก หายไวไว
"ว่าแล้วเชียว ดูดิคอแดงเชียว" นายเดินออกจากห้องน้ำมาเห็นผมกำลังทานยาพอดี นายเคยทานน่ะสิครับเลยรู้ว่าผมไปทำอะไรมา
"รู้ดีนิ่" ผมทำเสียงประชด "ไปแต่งตัวเลยไป"
"เหอะๆ" นายเดินไปแต่ก็หัวเราะในลำคอไปด้วย
"แม็คดูนายดิ ล้อเลียนโน่อ่ะ"
"ก็ทำให้นายเห็นทำไมล่ะ"
"ใครกันแน่เอายามาให้ทานตอนนี้ล่ะ"
"ตกลงเราผิดใช่มะ"
"รู้ตัวนี่"
"เออๆ"
"ไม่ต้องเถียงกันแล้วครับพี่ทั้งสองคน ไปผมเสร็จแล้วเดี๋ยวสายพอดี"

ถึงโรงเรียนเราก็แยกย้ายกันไปทำกิจกรรมภาระกิจของเด็กนักเรียนกัน เรามาสายกันครับเค้าเข้าเรียนกันหมดแล้วผมก็เดินริ่วๆ เข้าห้องเรียนไป เพื่อนๆ ในห้องก็มองกันอย่างกับตัวประหลาด
"ขอโทดครับอาจารย์ผมมาสาย"
"เข้ามาเรียนเลยนายสุทธิศักดิ์ นานๆ จะเห็นเธอเข้าเรียนทีนึงพอจะเรียนก็มาสายอีกนะ" โดนเอ็ดเลยเพราะใครเนี่ยยกมือขึ้น (ผมเองครับ)
"โน่มึงไปทำอะไรมา มาสายเชียวนะมึง" แอ๊ดที่นั่งข้างๆ ถามผม
"ตื่นสายสิถามได้มึง นานๆ กูจะเข้าเรียนทีอย่าเพิ่มถามได้มั้ยเรียนไม่ค่อยจะทันเลย"
"ขออีกคำถามนึงแล้วกัน"
"อะไรของมึงอีกวะ"
"ไอ้พวกเนี้ยมันถามว่า ทำไมคอมึงถึงแดงเป็นจ้ำๆ ขนาดนี้" ผมก็ลืมตัวไปเลยครับว่าคอผมมีร่อยรอยของเมื่อวาน
"สาด..." ผมมองหน้าคนที่จ้องหน้าผมอยู่ "มองไรกันหันกลับไปเลยพวกมึง" เสียงผมดังหรือไรไม่ทราบอาจารย์หันมามองเลย
"นี่ เบาๆ หน่อยสิ"

หลังจากวันนั้นผมก็เข้าเรียนทุกวัน ก็มีบ้างที่เบื่อๆ ก็โดดเรียนไปก่อกวนเด็กๆ รุ่นน้องที่โรงยิมบ้างไม่ค่อยบ่อยเท่าไหร่เพราะเรียนเยอะ ต้องเรียนครับอย่างที่เคยบอกไว้ปีนี้ต้องขยันเรียนมากหน่อย และอีกสองเดือนก็จะสอบแล้ว ผมไม่เคยบอกหรือเคยบอก เออจำไม่ได้...ผมไม่ได้ลงเรียนวิชาเลือก เพราะอาจารย์รู้ว่าผมยุ่งเรื่องกิจกรรมเลยไม่มีเวลาว่างไปเรียนอะไรพวกนั้นหรอก ครั้นจะให้ผมไปเป็นผู้ช่วยอาจารย์วิชาเลือกสอนเด็กๆ หรือเพื่อนๆ ก็คงไม่ไหว พวกเหล่ารองประทานกลุ่มผม คือกลุ่มกิจกรรมเลยไม่ได้เรียนตัวนี้กันเลย แต่ก็มีคะแนนให้นะ หุหุ...เด็กเส้นๆ

อีกสองเดือนเจอกันครับ

ล้อเล่นครับ

พบกันตอนต่อไปนะครับ

แบบเรียนที่ 29

1 เดือนผ่านไป...
"และ 4 ทีมสุดท้าย ทีมที่ได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่" เสียงพิธีกรประกาศบนเวที (งานแข่งขันเต้นบีบอยเอ็กซ์ทีม 2xxx)
"ทีมออกาไนท์" เสียงเฮดังขึ้น และทีมนักเต้นก็เดินออกมารับรางวัล
"รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ ทีมบิ๊กซีเคร็ท"
"รางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่" เสียงพิธีกรเงียบเว้นไว้สัก 5 วินาที ทีมที่เหลือสองทีมก็ลุ้นตัวโก่งและหนึ่งในสองทีมมีทีมของแม็คอยู่ด้วย "และทีมที่ได้รางวัลชนะเลิกก็คือ" เสียงคนในฮอร์ก็เงียบกริบ "ทีมบี บี เอ็ม เอฟ ไอ เชิญรับรางวัลใบประกาศนียบัตร ถ้วยรางวัลและเงินสด 50,000 บาท และเงินรางวัลพิเศษจากสปอนเซอร์ยูเนี่ยนอินเตอร์ไพรด์อีก 30,000 บาท" เสียงเฮดังสนั่นที่สุดดังขึ้นผมถึงกับขนลุกสู้เลยครับ ทีมของแม็คนั่นเองครับ
"และทีมสุดท้ายได้รับรางวัลชมเชยครับ"

งานจบผมออกมารอแม็คและทีมที่หน้าหอประชุมฯ (ทีมบี บี เอ็ม เอฟ ไอ ย่อมาจาก บอยฝาแฝดแบงค์ แม็ค แฟรงและ โอม นั่นเอง ทั้งหมดเป็นเพื่อนร่วมอุดมการของแม็คครับ ไปรวมตัวกันมาจากตอนที่แม็คไปออดิชั่น วันรับสมัครนักเต้นบีบอยครับ) พอแม็คออกมาตรงจุดนัดผมก็เอาโทรศัพท์มือถือคืนแม็คไป แม็คก็เอาเช็คใว้ให้ผมเก็บไว้พรุ้งนี้เราจะไปขึ้นเงินกันพร้อมกับทีม วันนี้ไม่ทันแล้วครับ เพราะงานกว่าจะเลิกก็ปาเข้าไป 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว เราเลยแยกย้ายกันตรงนี่เลยและผมกับแม็คก็กลับบ้านมา ถึงบ้านก็ 4 ทุ่มกว่าๆ รถติดน่าดูเลย เราอาบน้ำกันและเข้านอน คืนนั้นหลับเป็นตาย

พอตอนเช้าเราตื่นกันสายกว่าปกติ เกือบเลยเวลาที่นัดไว้ ผมกับแม็ครีบไปให้ถึงธนาคารเพื่อนไปขึ้นเงินกัน พอไปถึงก็เจอทีมรออยู่ก่อนหน้าแล้ว พอเอาเช็คขึ้นเงินสดเสร็จ เราก็แบ่งเงินกัน 5 คน คนละ 16,000 บาท เยอะแหะ
"ขอบคุณพวกนายมากๆ เลยนะ ที่ทำให้ทีมสำเร็จมาได้" แม็คพูด
"เฮ้ยไม่ต้องหรอก พวกเราตั้งใจในอุดมคติที่พวกเราตั้งความหวังเอาไว้ทีแรกพวกเราก็ไม่ได้หวังว่าจะได้หรอก ก็เพราะนายเองไม่ใช่หรอที่คอยโทรตามปลุกเพื่อนๆ ให้มาซ้อมกันเนี่ย" แฟรงบอกกับแม็ค
"ใช้ๆ" แบงค์และบอยพูดพร้อมกัน
"เออคราวหน้าถ้าเกิดทางพี่อุ๋ม (พี่ผู้จัดการที่งาน) ติดต่อมาหวังว่าเราจะรวมตัวกันอีกนะ" โอมพูดบ้าง
"ได้ดิ" แม็คพูดและหันมองหน้าทุกคน ทุกคนก็พยักหน้าตกลง และจับมือกัน เพื่อนแม็คกลุ่มนี้ดูสามัคคีดีจังเลย
"แม็ค พวกเรา" ผมเอ่ยขึ้น "ไปทานข้าวกัน" ผมชวนพวกเพื่อนแม็ค
"ไปนะๆ" แม็คพูด
"ก็ได้"
พวกเราไปทานข้าวกัน แถวๆ ธนาคารแหละครับ ไม่อยากไปไหนไกลหิวมากๆ เลยด้วยพอเสร็จเราก็แยกย้านกันกลับ เราเดินทางกันไกลมากๆ เลยวันนี้ บ้านอยู่แถวลาดพร้าวแต่ธนาคารที่ทางผู้จัดงานลงไว้อยู่สาขาสำโรงโน่นแน่ะ ในเมื่อผมรู้มาก่อนหน้านี้จากชายว่าแม็คจะเอาเงินไปซื้อของให้ผม ผมเลยเลี้ยวรถเข้าMBK.เลยครับ
"อ้าวเข้าทำไมอ่ะ" แม็คถามท่าตกใจและงงเล็กน้อย ถึงปานกลาง ผมก็ขำในใจสิ
"ไม่รู้ แต่อยากเข้ามีอะไรมั้ย ถ้านายไม่เข้าก็กลับไปก่อนได้นะ" ทำหน้าเฉยๆ แล้วพูดออกไป
"เข้าๆ เอาเข้าไป...ขี้งอนจัง" แม็คตามใจผม และก็อ้อนด้วย
"อืมดีแล้ว วันนี้จะใช้เงินนายให้หมดเลย" ผมเหร่สายตามองหน้าแม็ค (แกล้งแม็คอีกแล้วนะ) แม็คทำหน้าเศร้าครับ น่าสงสารนะ แต่ผมก็เงี้ยแหละนิสัยเสียจนเป็นสันดานแล้วครับ
"ครับๆ" แม็คก้มหน้าพูด
"อ่ะ ล้อเล่น เงินของนายเราไม่เอาไปใช้หรอกน่านายอุตส่าห์ทำเพื่อ...เอ้ย เหนื่อยกว่าจะได้มา" แม็คยิ้มครับ น่ารักจัง
"ล้อเล่นแรงเนอะ อย่างนี้ต้องลงโทด" พอรถได้ที่จอดแล้ว แม็คก็รีบลงจากรถมาเปิดประตูผม ดึงผมออกจากรถแล้วปิดประตูเสร็จ ก็ดันตัวผมติดรถ จูบเข้ามาที่ปากเลย
"เอ้ย...จูบเข้ามาได้ไม่ได้ตั้งตัว เดี๋ยวใครก็เห็นเข้าหรอก" ผมดันหน้าแม็คออก
"ก็อยากแกล้งเราก่อนทำไมล่ะ"
".........." ผมไม่โต้ตอบกลัวใจแม็คครับ กล้าพูดกล้าทำแบบนี้ไม่พูดจะดีกว่าเดี๋ยวดีไม่ดีคนรู้จักเจอเข้าเป็นเรื่องแน่ๆ ผมกดรีโมทย์ล็อครถแล้วเดินตามแม็คเข้าไปในห้างฯ

"แม็คครับ แม็คได้เงินมาจะเอาไปทำอะไรหรอครับ" ผมก็พูดเพราะๆ ก็เป็นนะครับ
"อืม...แล้วโน่อยากได้อะไรล่ะครับ" พูดงี้ก็เขินอ่ะดิ
"บ้าหรอ จะซื้อให้แล้วมาถามเรา" ผมหลบหน้าเอามือเกาหัว
"เฮ้ย อายหรอโน่" แม็คหัวเราะในลำคอ
"ก็ ก็...เออ" ผมรู้ตัวเลยครับว่าหน้าแดงจนร้อนวาบๆ
"เหอะๆ มานี่มาเราดูไว้แล้วว่าจะซื้ออะไรแต่เงินที่ได้มาคงไม่พอน่ะ" แม็คทำหน้าหงอย
"อ้าวแล้วทำไงล่ะ"
"เราเลยทุบกระปุกไง" อะไรนะ แม็คเก็บเงินเป็นด้วยหรอเนี่ย
"ได้มาเท่าไหร่ล่ะ" สงสัยเลยถาม
"7,500" แม็คยิ้มอายๆ เพราะแม็คก็รู้ว่าตัวเองเงินเก็บมีไม่เยอะ (ถึงจะรวยนะแต่แม็คไม่ค่อยจะขอเงินแม่ใช้สุรุ่มสุร่ายหรอกครับ เวลาแม็คอยากได้อะไรก็มักจะหาเงินเองและแม็คก็รู้ว่าผมมีเงินเก็บเยอะทั้งจากแม่ ปู่บ้าง พ่อบ้างที่ให้มาก็ยังมีแหวนเพชรคู่ราคาแสนแพงอีก แม็คเลยอยากเก็บเงินให้ได้เยอะๆ บ้าง) แม็คพาผมมาที่ร้านขายเครื่องประดับอัญมณีร้านหนึ่ง
"นี่ๆ โน่ " แม็คพาผมเข้าไปในร้านแล้วชี้ไปที่สร้อยเลตลายโซ่ "นี่ไงที่เรามาดูไว้ เห็นมันแปลกดีและเจ้าของร้านเค้าบอกว่ามันเป็นสร้อยที่ดีไซด์เนอร์ชื่อดังจากไต้หวันเป็นคนออกแบบ โดยบอกความหมายของมันว่า ของสิ่งหนึ่งแยกเป็นสองคล้องให้กันและกันเป็นหนึ่งคนเดียวกันเสมือนหัวใจของคนสองคนที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน " แม็คอธิบายให้ผมฟัง
"หรอแล้วมันเท่าไหร่ล่ะ"
"24,000 บาทครับ" เจ้าของร้านที่เดินมาพอดีพูดขึ้น "ในเมืองไทยมีแค่เส้นเดียวเท่านั้นแหละครับ เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นไม่มีที่ไหนแน่นอน นี่ถูกเพราะว่าเป็นของมือสองราคาเดิมเส้นละ 50,000 กว่าบาท" เจ้าของร้านพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะ "เห็นน้องคนนี้มาดูหลายครั้งแล้ว" เจ้าของร้านมองหน้าแม็คแล้วยิ้มให้ แม็คหันมาหาผมแล้วดึงผมไปคุยห่างจากเจ้าของร้านนิดหน่อย
"เงินเราไม่พอน่ะ" แม็คเอาเงินออกมาให้ผมนับ
"ได้ 23,500 บาท ขาด 500 บาท" ผมพูดตามที่นับได้ "งั้นเอางี้ แม็คนายเก็บเอาไว้ 3,500 บาท นะ
"อ้าวเลยขาดเยอะเลยดิ" แม็คทำหน้าจ๋อย เหมือนเด็กอยากได้ของเล่นจากแม่แล้วแม่ไม่ซื้อให้
"เออน่า เดี๋ยวจัดการให้"
"พี่ครับ ผมมีเงินแค่ 20,000 เองครับ"
"แล้ว" พี่เค้าทำหน้าสงสัย
"ผมอยากได้สร้อยเส้นนั้นครับพี่" ผมต่อรอง
"เอ่อ" พี่เค้าทำท่าคิด แต่ผมรู้มาว่าถ้าคนขายทำหน้าคิดอย่าปล่อยให้เค้าคิดจนได้คำตอบเราต้องตัดความคิดเค้าด้วยการ
"นะครับๆ พี่ครับ เพื่อนผมอยากได้จริงๆ นะครับ เค้าอุตส่าห์ทุบกระปุกเลยนะครับพี่ หมดตัวเลย" ผมทำท่าอ้อนสุดๆ
"เออ...ก็ได้น้องขาดทุนนะเนี่ย" แล้วพี่เค้าก็หยิบสร้อยมาให้ผมพร้อมกล่องใส่
"ขอบคุณพี่มากเลยครับ" ผมรับมาแล้วยื่นเงินให้พี่เค้าไป

"อ่ะนี่แม็คเอาไป" ผมเอาสร้อยมาแยกสลักออกจากกันแล้วยื่นสร้อยให้แม็คไปเส้นนึง แล้วใส่ให้
"โน่ขอบใจนะที่ต่อรองให้อ่ะ"
"ดูหน้าพี่เค้าเดะ เหอะๆ...ลดราคาไปตั้ง 4,000 แน่ะ ไม่รู้ถ้าเราไปซื้อของร้านพี่เค้าอีกจะให้ซื้อรึเปล่าไม่รู้"
"ไปเอาวิธีต่อของแบบนี้มาจากที่ไหนเนี่ย" ผมยิ้มแล้วตอบว่า
"รักแห่งสยามไง"
"เฮ้ย จริงดิไม่เคยดูแค่รู้ว่าเป็นหนังอะไร" จริงๆ แล้วไม่รู้นี่ว่าจะเป็นหนังเกย์ตอนนั้นยังไม่ค่อยชอบด้วยแต่พลอยเป็นคนชวนครับตอนนั้นเธออยากดูมากๆ ผมเลยดู แล้วจำเอามาใช้ เหอะๆ ไม่รู้ว่าจะได้ผลจริงๆ ด้วย
"อยากดูมั้ยล่ะ เดี๋ยวหาให้ดู" ผมมองหน้าแม็ค
"แล้วแต่นะ" แม็คยิ้มอายครับ "ไม่เคยดูสนุกมั้ยอ่ะ"
"หนังรักน่ะ" ผมพูดไม่มองหน้าแม็ค เพราะผมกำลังสนใจสร้อยที่คออยู่
"หัวเราะทำไม" แม็คงงครับ คนอื่นๆ ก็มองกัน
"นายกำลังมีอารมณ์หรอ" ผมพูดโดยที่ไม่รู้ตัวเองครับว่ามีคนอื่นเค้าสนใจอยู่ แล้วเสียงผมก็ดันดังซะนี่
"เฮ้ย...พูดอะไรบ้า" แต่แม็คก็อายหลบหน้าครับ "คนเยอะแยะพูดอะไรก็ไม่รู้" ผมเลยหันมองคนอื่นแล้วรีบดึงมือแม็คเดินออกมาให้ห่างจากคนอื่นๆ เค้าคงมองเราสองคนไปถึงไหนแล้วเนี่ยเด็กสองคนพูดเรื่องเซ็กกันกลางห้างเลย
"ก็เป้ากางเกงนายมันขยายอ่ะจริงมั้ยล่ะนายอยากมีอย่างว่าอ่ะ" ผมถามเมื่อเรามาถึงตรงที่มีคนน้อยแล้ว
"อืมใช่ ก็พูดถึงหนังเราก็รู้ว่ามีฉากอะไรบ้างถึงจะไม่เคยดู"
"ก็แค่ฉากจูบกัน คิดมากป่ะเนี่ย" ผมตีแขนแม็คเบาแต่แม็คก็หน้าแดงแล้วหันหน้าหนี
"นั่นแหละ" แม็คพูดแต่ไม่มองหน้าผม
"เรากลับบ้านกันดีกว่ามั้ยครับแม็ค" ผมพูดขึ้น
"อืมๆ" แล้วตอนนั้นมือผมลดลงไปปัดโดนเป้ากางเกงแม็คพอดี แข็งเป็กเลยครับ
"เฮ้ย...ไหวมั้ยเนี่ย" แม็คยิ่งอายใหญ่
"รีบๆ เหอะจะทนไม่ไหวแล้วเนี่ย"
"งั้นเดินเร็วเดี๋ยวบังให้" ผมต้องเดินคอยบังกางเกงแม็คเอาไว้

กลับมาถึงบ้านไม่เจอใครเลยผมเลยพาแม็คขึ้นห้องทันที...เราทำอะไรกันน่ะหรือ โปรดติดตามตอนต่อไป 555+

[เรทเอ็กซ์จัด]